“อนิเมะ ไม่สิ การ์ตูนทุกชนิดเป็นสิ่งที่ไม่ดี” ประโยคนี้เป็นข้อความที่ได้ออกมาจากปากของผู้คนมากมาย โดยเฉพาะผู้ใหญ่ที่มีลูกของตนซึ่งดูการ์ตูน หลายคนอาจจะคิดว่าสิ่งที่ผู้ใหญ่เหล่านี้ได้กล่าวออกมานั้นเป็นความจริง ซึ่งแม้แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังกล่าวว่าการดูทีวีเป็นการกระทำที่จะทำให้สมองมีการเสื่อมลง เรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้คนทุกคนได้ยินบ่อยครั้งจนทำให้คำพูดนี้ติดฝังในจิตสำนึกของผู้ใหญ่ทุกๆคน และทำให้ผู้คนกล่าวหาการ์ตูนว่าเป็นอันตรายเยี่ยงยาเสพติดที่ทำให้คนติดหรือถึงกับตายได้ เรื่องนี้ผมขอกล่าวคัดค้านว่าไม่เป็นความจริง ก่อนที่พวกคุณจะกล่าวหาว่าการ์ตูนหรืออนิเมะเป็นสิ่งไม่ดี จะต้องรู้ก่อนว่าอนิเมะคืออะไร “อย่ากล่าวหาอะไรที่ตนเองไม่เคยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับมันเลย และอย่าดูแคลนอะไรแต่ภายนอก”
อนิเมะคืออะไร อนิเมะคือภาษาทับศัพท์ญี่ปุ่นของคำว่า แอนิเมชั่น ในภาษาอังกฤษซึ่งปกตินั้นจะเป็นการสร้างขึ้นด้วยการวาดขึ้นด้วยมือ แต่ในสมัยนี้ได้มีการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยเพื่อความเร็วและคำสะดวกในการทำงาน อนิเมะนั้นได้ถูกสร้างขึ้นในคริสตศตวรรษที่ ๒๐ ซึ่งในอเมริกาก็ได้มีการสร้างแอนิเมชั่นเช่นกัน ในเวลานั้นเอง ที่ญี่ปุ่นได้มีการสร้างแอนิเมชั่นเป็นครั้งแรก ซึ่งสามารถบ่งบอกความแตกต่างระหว่างชาติได้อย่างชัดเจน ในปีคริสตศักราชที่ ๑๙๘๐ อนิเมะได้แพร่หลายไปทั่วญี่ปุ่นและในปี ๒๐๐๐ ได้มีการขยายตลาดไปทั่วโลก
แอนิเมชั่นของญี่ปุ่นและของอเมริกา มีความแตกต่างอย่างมากมาย โดยอเมริกาลายเส้นจะเข้มและส่งบรรยากาศถึงความแข็งให้กับผู้อ่าน ซึ่งมักจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับ แอคชั่น มากกว่าประเภทใดๆ โดยเน้นถึงฮีโร่เป็นตัวละครเอก และแอนิเมชั่นของอเมริกาได้มีการแพร่หลายไปในทางโมเดลและหนังสือการ์ตูนอีกด้วย ส่วนอนิเมะ จะมีการวาดเป็นศิลปะเฉพาะตัวของแต่ละนักวาด ซึ่งนักวาดทุกคนจะมีเทคนิคการวาด ลายเส้นและรูปแบบตัวละครไม่เหมือนกัน ต่างกับแอนิเมชั่นที่ตัวละครค่อนข้างมีลายเส้นคล้ายกัน โดยอนิเมะทุกเรื่องจะมีคุณสมบัติที่ว่าการวาดร่างกายมนุษย์นั้น จะมีความสมดุลไม่เหมือนกัน โดยปกตินั้นจะมีอัตรากับหัวคือ ๑ ต่อ ๗ ถึง ๘ ซึ่งจะมีข้อยกเว้นเช่นกัน โดยจะมีประเภทที่ร่างกายนั้นมีอัตราส่วนไม่สมดุลกับหัว กล่าวคือเล็กกว่า โดยตัวละครเหล่านี้มีชื่อเรียกว่า ชิบิ (Chibi) ส่วนด้านตานั้น โอซามุ เทตซุกะ (Osamu Tezuka) เป็นผู้ริเริ่มการดีไซน์ตาให้ใหญ่ขึ้นกว่ามนุษย์ปกติทั่วไป โดยเขาได้ออกแบบรูปแบบนี้ เพราะจะทำให้ตัวละครแสดงความรู้สึกออกมาได้ชัดขึ้นและมองออกง่ายยิ่งขึ้น นอกจากตาที่สามารถบ่งบอกอารมณ์ได้นั้น สัญลักษณ์ก็สามารถบ่งบอกถึงอารมณ์ของตัวละครเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่นสัญลักษณ์การเหงื่อตกที่แสดงถึงอารมณ์ที่งง เครียด ตกใจ ขายหน้า และอื่นๆ เมื่อหน้าแดงจะแสดงถึงอารมณ์ที่เกี่ยวข้องกับความรักเป็นต้น
ในปัจจุบัน รูปแบบการวาดของอนิเมะ ได้ดูดซึมกลายเป็นศิลปะรูปแบบใหม่ของญี่ปุ่นไปแล้ว โดยมีนักศิลปะหลายคนได้ทำการประดิษฐ์ชิ้นงานขึ้นมาหลายชนิดเช่นรูปภาพ แกะสลัก การทำการปั้นตัวละครขึ้นมาโดยใช้วัสดุหลายอย่างซึ่งทำให้ก่อกำเนิดหุ่นขนาดย่อของตัวละครในอนิเมะเรียกว่า ฟิกเกอร์ (figure) ซึ่งได้เป็นศิลปะสำคัญในสังคมอนิเมะคล้ายคลึงกับเครื่องปั้นดินเผาหรือรูปปั้นที่เป็นศิลปะสำคัญในการปั้น นอกจากนี้อนิเมะยังก่อให้เกิดรสนิยมการแต่งตัวสมัยใหม่ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการประกวดชุดและการแต่งตัวให้ตรงกับตัวละครในอนิเมะ ซึ่งผู้ที่ชนะเลิศคือผู้ที่แต่งตัวได้อลังการที่สุดและสวยที่สุด สิ่งนี้เรียกว่า คอสเพลย์ (cosplay)
จากสิ่งที่กล่าวมานี้นั้น ไม่มีสิ่งใดที่ไม่ดีเลยวนอกจากการติดอนิเมะและการเสียเงินจากการซื้อศิลปะเหล่านี้ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับราคาของรูปภาพแนวยุโรปหรือศิลปะใหม่ๆนั้น ศิลปะของอนิเมะไม่สามารถเทียบเท่าได้เลย และกลับเป็นว่ารูปภาพแนวตะวันตกที่เหมือนกับการเสียเงินโดยใช่เหตุเสียมากกว่า อนิเมะนั้นยังถือได้ว่ามีภัยอันตรายยิ่งกว่าละครและหนังทั่วไปเสียอีก เพราะไม่ใช่ภาพเสมือนจริงจึงไม่ทำให้ดูไม่ได้ ไม่เหมือนกับหนังที่ปรากฏให้เห็นเลือด เครื่องใน เซ็กส์ และสิ่งไม่ดีอีกมากมายที่อนิเมะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้เลย แต่ผู้ใหญ่กลับห้ามเด็กดูอนิเมะ แต่ให้ดูหนังและละครเหล่านี้ได้ นอกจากนี้ ละครและหนังเหมือนจะทำให้ผู้ใหญ่ติดเป็นอย่างมาก เหมือนกับการที่เด็กติดการ์ตูน เพราะเหตุใดผู้ใหญ่จึงไม่ห้ามตนเองดูหนังเหล่านี้เหมือนกับการที่ผู้ใหญ่ห้ามเด็กดูเล่า เหตุหนึ่งที่ทุกคนเห็นด้วยคงจะเป็นเพราะทำให้เด็กไม่รู้จักเวลา แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น การ์ตูนสามารถทำให้เด็กฝึกทักษะการฟังการพูดได้ แต่ต้องได้รับการอธิบายและการสนับสนุนจากพ่อแม่ก่อน เพื่อจะได้ไม่ทำให้เด็กไปในทางที่ไม่ดีดังเรื่อง “ดอกเลือด” โดยศิลา คมฉาย ซึ่งเด็กคนหนึ่งมีนามว่า น้องเอ๊กซ์ ไม่ได้รับการสอนและปูพื้นฐานจากพ่อและเรียนรู้จากสื่ออย่างเดียวโดยไม่มีผู้มีความรู้ชี้นำจนทำให้ไปในทางที่ผิด ซึ่งวิธีการแก้ไขไม่ใช่การที่ห้ามให้เด็กดูการ์ตูนตลอดกาล เพราะการ์ตูนเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความคิดสร้างสรรค์และความรู้ทางด้านภาษาให้เด็ก แต่ควรจะเป็นการให้ความเข้าใจกับเด็กในทางที่ถูกต้อง
จากที่กล่าวมานั้น อนิเมะ ไม่ใช่สิ่งไม่ดีเลย อนิเมะนั้น ถึงจะมีเนื้อเรื่องคล้ายหนังและละคร แต่ได้มีการจำกัดผู้ดูอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันไม่ให้เด็กได้รับเนื้อหาที่ไม่ควร เช่นอนิเมะนามว่า Elfen Lied ซึ่งเป็นเรื่องที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นอนิเมะที่มีการฆ่าฟันอย่างอมหิตอย่างมาก เรื่องนี้จึงได้ถูกจำกัดแค่ ๑๕ ขึ้นไปและประเทศไทยจึงไม่ได้รับเข้ามา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรจะมีวิจารณญานในการรับชมหรือได้รับการอธิบายจากผู้ปกครองเพื่อไม่จินตนาการพาไปในทางที่ผิดได้
Interestin :P
ตอบลบ